มาถึงโค้งสุดท้ายจนได้นะครับน่าเสียดายจัง(ดีใจโคตรๆเลย)
จะได้ไม่ต้องทำอะไรกับJavaอีกแล้ว555+
เหมือนระยะทางทดสอบม้าเวลาทดสอบคน
ผมคงต้องเป็นม้าเลวแน่เลยครับ555+(วันนี้ผมคึก)
เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักคุณ!!!มายชาย
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับพวกStringคราบ
Stringชื่อนี้คืออะไรวะ??
มันก็ตัวอักษร มันคืออะไรก็ได้ทั้งอักษรและตัวเลขมาเรียงลำดับกันเท่านั้น
เช่น
1+1=11
1+2a=12a
o+p+u=opu
ประมาณนี้ครับเข้าใจนะครับ(เหมือนผมจะตกเลขเลยอะ-*-)
เข้าเรื่องต่อแล้วกันนะครับ-*-
String
คือเหมือนกับเป็นแค่ค่าตัวอักษรธรรมดานั้นแต่มีลูกเล่นมากมายที่เกี่ยวกับ
String ไม่ใช่แค่
System.out.print() นะครับ-*-แต่
เท่านั้นที่เป็นการใช้ Stringการกำหนดให้ String เป็นตัวแปรประกาศง่ายๆ
โดย String ชื่อตัวแปร = "ข้อความที่ต้องการ"เช่น
String a = "fight"
วิธีนำตัวแปรมาใช้ก็ใช้ System.out.print(ตัวแปร);
ถ้าตามดังเงื่อนไขข้างบนจะได้ว่า
System.out.print(a);
Result fight
ข้อดีของการใช้ตัวแปรคือ ถ้ามีจำนวนข้อมูลเยอะๆที่ซ้ำๆกัน
มันจะอ้างอิงที่แหล่งเก็บข้อมูลแค่ตัวเดียวจึงมีผลทำให้ข้อมูล
มีความรวดเร็วมากขึ้นในการใช้งาน(เร็วกว่ารถsportปะอย่ากได้
Rx8หรือTTก็ได้ครับ ราคาประมาณ 3ล้านกว่าบาทเองชื้อให้ทีครับ)
การหาความยาวของ String
นั้นๆทำได้โดยต่อด้วย .length()
เข้าไปท้ายข้อความหรือตัวแปรเช่น
"fight.length();
หรือ
a.length();
ส่วนใหญ่จะใช้อยู่ในรูป
System.out.print();
จะได้ค่าออกมาคือ 5การหาตัวอักษร
โดยใช้ตำแหน่งหลักการจะคล้ายๆกับ Array
คือ 0 คือตัว แรก และ n-1
คือตัวสุดท้ายซึ่งใช้คำสั่ง .charAt(n-1)
โดย n คือลำดับของตัวอักษรที่
ต้องการรู้เช่น
"fight.charAt(1);
จะได้ว่า ตัวที่สองของ fight คือ i การหาตำแหน่งของตัวอักษรโดยใช้ตัวอักษร
โดยการหาตำแหน่งของตัวอักษรนี้ จะแสดงตำแหน่งที่ n-1 เหมือน
.charAt(n)
แต่จะแสดงแค่ตัวที่อยู่หน้าสุด้ท่านั้น โดยใช้คำสั่งนะครับ
.indexOf('a')
โดย a คือตัวอักษรเช่น
"fight".indexOf('l');
จะแสดงเลข 2 ขึ้นคือ l ตัวแรกอยู่ตำแหน่งที่ 3 นั่นเองแต่หากหาไม่พบ
โปรแกรมจะแสดงเลข -1 ออกมาแทนเช่น
"fight".indexOf('H');Result -1
เขาใจนะ
เพราะฉะนั้น
หากไม่ต้องการให้เริ่มที่ตัวแรก ให้กำหนดตำแหน่งที่ต้องการเริ่มหาโดย
.indexOf('a',n-1)
เช่น
"fight".indexOf('h',3);
ผลลัพธ์ที่ออกมาจะได้เท่ากับ 3
หากไม่ต้องการหาจากหน้าไปหลังยังมี
วิธีที่สามารถหาจากหลังไปหน้าโดย
lastIndexOf('a')
หรือ
lastIndexOf('a',n-1)
เช่น
"fight".lastIndexOf('l');
จะได้ค่าเท่ากับ 3ส่วนการตำแหน่งของกลุ่มข้อความ สามารถใช้
indexOf('abc') หรือ lastIndexOf('abc')
ได้เหมือนกัน เช่น
"fight igh".indexOf('el');
Result1"hello ell".lastIndexOf('igh');
Result7(การหานี้จะนับจากตัวแรกที่ใช่)
การเชื่อมต่อ Stringโดยส่วนมากเราจำรู้เมื่ออยู่ในเครื่องหมาย +
(เจอกับมันอีกแล้ว-*-)
เช่นa + b
เป็นต้น เมื่อแสดงออกมาจะได้ข้อความ a และ bเช่น
String a = "fight";
String b = "igh";
System.out.println(a + b);
จะได้ว่า fightigh เป็นต้นและสามารถนำมาบวกกันแล้วค่อยแสดงก็ได้ เช่น
a = a + b;System.out.println(a);
จะได้
fightigh
เหมือนกันและสามารถ + เข้าไปตรงๆ อีกได้เหมือนกัน(ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ปะ)
เช่น
a += b;
System.out.println(a);
Resultfightighเช่นกัน*
จากที่ผลออกมา จะสังเกตุได้ว่าค่า a ตอนเริ่มต้นจะหายไป(หาไมเจอ)
เป็นค่าตัวใหม่แทนที่ด้สยเหตุนี้ถ้าต้องการคงค่าตัวแปรเดิม
ควรใช้หลายตัวแปรแต่ก็มีวิธีที่ทำให้ตัวแปรไม่หายไป
จงจำเอาไว้ให้ดี
โดยการใช้ .concat(x)เช่น
System.out.println(a.concat(b));
จะได้ fightighเหมือนกัน โดนสามารถใช้ตัวแปร a ตัวเดิมได้ด้วยหรือไม่ก็กำหนด
ตัวแปรใหม่โดยใช้ concat เหมือนกันเช่น
String d = a.concat(b);
System.out.println(d);
จะได้ข้อความ fightighเหมือนกันและได้ d เป็นตัวแปรเพิ่มขึ้นอีกตัวด้วย
การแสดงกลุ่มคำโดยใช้ตำแหน่งโดยกำหนดตัวเริ่มต้นแล้ว
ใช้ฟังก์ชัน x.substring(n-1)เข้าช่วยโดยการแสดงผล จะแสดงในรูปแบบ
String ที่เป็นกลุ่มข้อความเช่น(วันนี้ยาวหน่อยนะครับครังสุดถ้าด้วยเอาให้เต็มที่)
String a = "Hello you. How are you to day?";
System.out.println(a.substring(11));
จะแสดง How are you today?
ออกมา (ตำแหน่งที่ 12 ตรงกับ H พอดี)
แต่ถ้าต้องการกำหนดจุดสุดท้ายด้วย
จบแล้ววววววว
ความรู้พวกstringนี้สามารถนำไปเขียนprograme search , programe Dictionary
etc.
ขอขอบคุณทุกท่าน ณ ที่นี้ด้วยครับที่ติดตามผลงานของผมนะครับ ตัวอย่างหลายตัวอย่างนี้ผมเอา
มาจากbloger ของ be31ครับถ้าไม่เข้าใจไปเปิดได้ครับเพราะผมเอาของเขามาเป็นแนวทางครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น